ยุคที่ธุรกิจดิจิทัลเติบโตอย่างก้าวกระโดด รูปแบบการทำธุรกิจได้พัฒนาและหลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียง B2B (Business-to-Business) และ B2C (Business-to-Consumer) ปัจจุบันได้เกิดโมเดลธุรกิจแบบ B2B2C ที่ผสมผสานจุดแข็งของทั้งสองรูปแบบเข้าด้วยกัน หากสนใจโมเดลธุรกิจแห่งยุคอนาคต ต้องเข้าใจความแตกต่างของการทำธุรกิจรูปแบบต่าง ๆ และแนวทางการเลือกโมเดลธุรกิจที่เหมาะกับคุณ
ธุรกิจแบบ B2B คืออะไร ?
B2B (Business to Business) คือ รูปแบบธุรกิจที่ดำเนินการระหว่างองค์กรธุรกิจด้วยกันเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานหรือการผลิตสินค้าและบริการ ธุรกิจ B2B คือธุรกิจที่มีความซับซ้อนในด้านการตัดสินใจซื้อ เนื่องจากมักเกี่ยวข้องกับมูลค่าการซื้อขายที่สูง ปริมาณจำนวนมาก และต้องผ่านกระบวนการพิจารณาจากหลายฝ่าย หากคุณกำลังสงสัยว่า B2B คืออะไร คำตอบคือเป็นการทำธุรกิจระหว่างองค์กรที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
หากถามว่าธุรกิจ B2B ในไทยมีอะไรบ้าง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนได้แก่ ผู้ผลิตวัตถุดิบอุตสาหกรรม บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ผู้ให้บริการระบบซอฟต์แวร์องค์กร และผู้จัดจำหน่ายสินค้าส่ง การทำตลาดสำหรับธุรกิจ B2B จำเป็นต้องเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว การนำเสนอข้อมูลเชิงลึก และการแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าในการลงทุน
ธุรกิจแบบ B2C คืออะไร ?
B2C (Business to Customer) คือ โมเดลธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการตรงถึงผู้บริโภคคนสุดท้าย B2C คือธุรกิจที่เน้นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคโดยตรง การตัดสินใจซื้อมักเกิดขึ้นรวดเร็วกว่า B2B และอาศัยปัจจัยด้านอารมณ์มากกว่า
ลักษณะเด่นของ B2C Marketing คือการสื่อสารที่เข้าถึงง่าย เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดี และการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อผ่านกลยุทธ์การตลาดที่หลากหลาย เช่น การใช้โปรโมชัน การสร้างแบรนด์ที่น่าจดจำ และการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ
B2B2C : โมเดลธุรกิจแห่งอนาคต
B2B2C (Business-to-Business-to-Consumer) เป็นโมเดลธุรกิจที่ผสมผสานจุดแข็งของทั้ง B2B และ B2C เข้าด้วยกัน โดยธุรกิจจะทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อส่งมอบสินค้าหรือบริการถึงผู้บริโภคคนสุดท้าย การผสมผสานนี้ช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่ทุกฝ่าย
ตัวอย่างความสำเร็จของ B2B2C ในประเทศไทย ได้แก่ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เชื่อมโยงผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง และผู้บริโภคเข้าด้วยกัน ระบบการชำระเงินที่ทำงานร่วมกับธนาคารและร้านค้า รวมถึงแพลตฟอร์มการจัดส่งสินค้าที่เชื่อมโยงผู้ให้บริการโลจิสติกส์กับผู้ใช้บริการ
เปรียบเทียบความแตกต่างของทั้ง 3 โมเดล
B2B, B2C และ B2B2C คือโมเดลธุรกิจที่มีความแตกต่างกันในหลายมิติ กระบวนการขายใน B2B มักใช้เวลานานกว่าและต้องการข้อมูลเชิงลึกเพื่อการตัดสินใจ ในขณะที่ B2C เน้นการตัดสินใจที่รวดเร็วและการสร้างประสบการณ์ที่ดี ส่วน B2B2C ต้องบริหารจัดการทั้งสองด้านไปพร้อมกัน
การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในแต่ละโมเดลก็แตกต่างกันด้วยเช่นกัน โดยโมเดลแบบ B2B จะเน้นความสัมพันธ์เชิงธุรกิจระยะยาว ส่วนธุรกิจ B2C จะเน้นการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ในขณะที่ B2B2C จะต้องรักษาสมดุลระหว่างความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจและความพึงพอใจของผู้บริโภคอย่างเหมาะสม
การเลือกโมเดลธุรกิจที่เหมาะสม
การเลือกโมเดลธุรกิจที่เหมาะสมต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน ทั้งลักษณะสินค้าหรือบริการ กลุ่มเป้าหมาย ทรัพยากรที่มี และเป้าหมายทางธุรกิจ
ข้อแนะนำในการเริ่มต้น
สำหรับผู้ประกอบการท่านใดที่อยากทำธุรกิจแบบ B2B2C อาจเริ่มต้นด้วยโมเดลใดโมเดลหนึ่งก่อน แล้วค่อย ๆ พัฒนาไปสู่การผสมผสานโมเดลธุรกิจเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันต่อไปเมื่อธุรกิจมีความพร้อมมากขึ้น
กลยุทธ์การผสมผสานโมเดลธุรกิจ
การผสมผสานโมเดลธุรกิจสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การเพิ่มช่องทางการขายปลีกสำหรับธุรกิจ B2B หรือการสร้างระบบสมาชิกพิเศษสำหรับลูกค้าองค์กรในธุรกิจ B2C โดยสิ่งสำคัญคือต้องมีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเติบโตและความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น
ไม่ว่าคุณจะเลือกดำเนินธุรกิจในรูปแบบใด สิ่งสำคัญคือการมีระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเติบโต Scale Up พร้อมสนับสนุนธุรกิจของคุณด้วยระบบจัดการร้านค้าและบริการคลังสินค้าออนไลน์ครบวงจร ทั้ง OMS (Order Management System) และ WMS (Warehouse Management System) พร้อม API เชื่อมต่อกับธนาคาร SCB เพื่อตรวจสอบการชำระเงินแบบ Real-time ให้การดำเนินธุรกิจของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
ติดต่อเราวันนี้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง LINE ID : https://lin.ee/HPXeKAo หรือโทร. 098 991 9356
ข้อมูลอ้างอิง
- B2B2C คืออะไร ทำไมกลายเป็นกลยุทธ์เพิ่มยอดขายที่น่าสนใจ. สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 จาก https://www.ktc.co.th/article/knowledge/what-is-b2b2c-and-interesting-sales-strategy
Scale Up ผู้นำด้านบริการ Fulfilment ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ดูแลครอบคลุมทุกความต้องการด้านคลังสินค้าสำหรับธุรกิจ E-commerce ทั้งระบบ OMS (Order Management System) ระบบ WMS (Warehouse Management System) และอีกมากมาย ด้วยบริการครบวงจรที่ตอบโจทย์พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ รวมถึงผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจและจัดการออร์เดอร์ เพื่อเสริมยอดขาย พร้อมดูแลร้านค้าออนไลน์ให้ธุรกิจเติบโต